ภาพที่ 1
ให้เราทูลขอพระเจ้าทรงนำ
ข้าฯแต่พระบิดาเจ้า
วันนี้ ข้าฯพระองค์ทั้งหลายประสงค์ที่จะเปิดพระคำของพระองค์เพื่อเรียนรู้ความจริงของจุดเริ่มต้นของข้าฯพระองค์ทั้งหลาย
เป็นเรื่องจริงหรือที่มนุษย์เป็นผลของวิวัฒนาการอันยาวนานถึงล้านล้านปี
ข้าฯพระองค์ทั้งหลายมีความประสงค์ที่จะเปิดจิตใจเพื่อเรียนรู้คำสอนอันล้ำค้าของพระองค์ ในนามของพระเยซูคริสต์
อาเมน
ภาพที่ 2
อิสยาห์ 40:26
จงแหงนหน้าขึ้นดูว่า ผู้ใดสร้างสิ่งเหล่านี้
---------------------
สุภาษิต 30:4
ใครเล่าได้ขึ้นไปยังสวรรค์และลงมา ใครเล่าได้รวบรวมลมไว้ในกำมือของท่าน ใครเล่าได้เอาเครื่องแต่งกายห่อห้วงน้ำไว้ ใครเล่าได้สถาปนาที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลกไว้ นามของผู้นั้นว่ากระไร และนามบุตรชายของผู้นั้นว่ากระไร ท่านจะต้องรู้เป็นแน่
----------------------------------------------------
มนุษย์ตั้งคำถามไว้เช่นนี้อยู่แล้วเสมอ
คนเรามาจากไหน
จุดเริ่มต้นของเราคืออะไร
จักรวาลเริ่มต้นมาอย่างไร
มีทฤษฏีมากมายที่พยายามตอบคำถามเหล่านี้ แต่พระคัมภีร์สอนไว้อย่างไร
ภาพที่ 3
ปฐมกาล 1:1
ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง ฟ้าและแผ่นดิน
---------------------
เยเรมีย์ 32:17
ข้าแต่พระเจ้า คือพระองค์เอง ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และ ด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน
----------------------------------------------------
ตั้งแต่พระคัมภีร์ข้อแรก ปัญหานี้ก็แก้ไขไปแล้วตลอดกาล พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างจักรวาล
ท่านอาจสงสัยข้อความนี้ แต่ถึงกระนั้น ให้เราศึกษาบทเรียนนี้ต่อไป เรามั่นใจว่าเรามีเรื่องที่จะทำให้ท่านแปลกใจได้อย่างแน่นอน
ภาพที่ 4
สดุดี 33:6,9
โดยพระวจนะของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้นมา กับบริวารทั้งปวง ก็ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ (.......)
เพราะพระองค์ตรัส มันก็เกิดขึ้นมา พระองค์ทรงบัญชา มันก็ออกมา
---------------------
ฮีบรู 11:3
โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์
----------------------------------------------------
พระเจ้าทรงสร้างจักรวาลด้วยอำนาจพระดำรัสสั่งของพระองค์
พระองค์ทรงวางแผนแล้วทรงแปลงการวางแผนให้เป็นปรากฏการณ์ที่เป็นจริง
ภาพที่ 5
ภาพที่ 6
ปฐมกาล 1:26
แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา”
---------------------
ฮีบรู 1:2
แต่ในวาระสุดท้ายนี้พระองค์ได้ตรัสแก่เราทั้งหลายทางพระบุตร ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงตั้งให้เป็นผู้รับสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นมรดก พระองค์ได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลโดยพระบุตร
----------------------------------------------------
ด้วยพระดำรัสของพระเจ้าที่ว่า “ให้เราสร้าง....” นี้ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่ได้กระทำการสร้างจักรวาลโดยลำพัง
แน่นอนทีเดียว ข้อสองยังบอกเราว่าพระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งโดยพระบุตร
ภาพที่ 7
โคโลสี 1:16
เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก
---------------------
ยอห์น 1:1-3,14
ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงดำรงอยู่กับพระเจ้า
พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ
พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์
----------------------------------------------------
ข้อความเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ปฐมกาล พระวาทะ คือพระเยซูคริสต์ ทรงกระทำการร่วมกับพระบิดาในการสร้างโลก
ภาพที่ 8
ปฐมกาล 1:2
แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น
----------------------------------------------------
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงร่วมกับพระบิดาและพระบุตรในการสร้างจักรวาล
ภาพที่ 9
สดุดี 14:1
คนโง่รำพึงอยู่ในใจของตนว่า “ไม่มีพระเจ้า”
---------------------
สุภาษิต 1:7
ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของ ความรู้
----------------------------------------------------
ในปี ค.ศ. 1859 ชารล์ซ ดาร์วิน เป็นผู้ริเริ่มทฤษฎีวิวัฒานการ
ทฤษฏีนี้กล่าวไว้ว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นผลงานของพระเจ้าในการสร้างโลก
แต่เป็นผลของการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ ใช้เวลาล้านล้านปี ให้สิ่งมีชีวิตต่างๆนาๆ จนในที่สุดกลายมาเป็นมนุษย์ ตามที่เห็นในทุกวันนี้
ภาพที่ 10
แนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ในเรื่องทฤษฏีว่าด้วยวิวัฒนาการ
“จนถึงวันนี้ เราจะต้องยอมรับว่าการศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาของชีวิตสัตว์และพืชโบราณยังหาจุดเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และสัตว์ไม่ได้” (อัลเบร์ท กูดรี)
“ข้อสมมติฐานของการสร้างโลกโดยไม่มีพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่คิดแล้วเป็นไปไม่ได้” (เวินเฮอร์ ฟอน เบราน์)
“นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจเจาะเข้าหาความลึกลับของเรื่องการสร้างโลกโดยมองไม่เห็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า” (โรเบิรท บอย)
“วิทยาศาสตร์ยืนยันอย่างแน่วแน่ว่ามีอำนาจของการสร้างโลกที่จะผลักดันให้เรายอมรับว่าเป็นเรื่องของความเชื่อ” (ลอร์ด เคลวิน)
“ในที่สุด คำอธิบายของการมีทุกสิ่งนั้นมาจากพระเจ้า” (อาร์โนว์ด ลูนน์)
ภาพที่ 11
ยังมีแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆอีกคือ
“ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ไม่เคยมีการสงสัยเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของต้นกำเนิดของมนุษย์เท่ากับในปัจจุบัน และวงการวิทยาศาสตร์ที่ปฏิเสธที่จะเชื่อนั้น ไม่เคยเลยที่จะมีข้อโต้แย้งมากมายเช่นนี้” (โรเจอร์ ดู พาสเคร์)
“เราสงสัยด้วยเช่นกันว่าการเลือกสรรตามธรรมชาติแม้จะใช้เวลาวิวัฒนาการอันยาวนานจะสร้างอวัยวะที่ซับซ้อนเช่นสมอง ตา หูของสัตว์ชั้นสูงได้อย่างไร” (ยีน โรสเทนด์)
“เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงดวงตา ข้าพเจ้าจะร้อนหนาวไปทั้งตัว” (ชาล์ส ดาร์วินเอง)
ภาพที่ 12
สุภาษิต 20:12
“หูที่ฟังได้และตาที่มองเห็น พระเจ้าทรงสร้างมันทั้งสอง”
----------------------------------------------------
ชาลส์ ดาร์วินและยีน โรสท์แอนด์ให้ข้อสังเกตว่า ความสลับซับซ้อนของดวงตาก็เพียงพอที่จะทำลายทฤษฎีวิวัฒนาการ
อวัยวะที่สลับซับซ้อนและละเอียดเช่นนี้จะเกิดขึ้นจากผลของการเปลี่ยนแปลงโดยบังเอิญในเวลาล้านล้านปีได้อย่างไร (ให้สังเกตภาพข้างต้นดูซิว่า ท่านมองเห็นแรงดึงของกล้ามเนื้อตานี้หรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่ความบังเอิญจะทำให้เกิดแรงดึงอย่างน่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้)
เป็นไปได้หรือที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเกิดจากชิ้นส่วนต่างๆมารวมกันโดยบังเอิญ สมองของมนุษย์นั้นซับซ้อยอย่างน่าอัศจรรย์ใจกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์มาก พระคัมภีร์มีคำอธิบายที่ดีที่สุดคือ พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างสิ่งอัศจรรย์ทั้งปวงเหล่านี้
ภาพที่ 13
ปฐมกาล 1:26,27
แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน”
พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
---------------------
โยบ 20:4
มนุษย์ถูกวางไว้บนแผ่นดินโลก
----------------------------------------------------
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์และวางไว้บนแผ่นดินโลก
ภาพที่ 14
โยบ 26:7
พระองค์ทรงคลี่อุดรออกคลุมที่เวิ้งว้าง และแขวนโลกไว้เหนือที่ว่างเปล่า
----------------------------------------------------
ให้เราสังเกต บ่อยครั้ง จะมีการกล่าวหาว่าพระคัมภีร์ขัดแย้งกับการเปิดเผยของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และด้วยเหตุนี้จึงถ่วงความก้าวหน้าของพระคัมภีร์ในการเปิดเผยความจริง
ยกตัวอย่างเรื่องของการเยาะเย้ยที่กาลิเลโอได้รับแม้ว่าความรู้ที่ให้นั้นถูกต้อง แต่หากผู้นำศาสนาเข้าใจพระคัมภีร์ได้ดีกว่านี้ พวกเขาจะไม่ปฏิเสธคำพูดของกาลิเลโอ
ความจริงแล้ว พระคัมภีร์สอนไว้แล้วว่าโลกเราลอยอยู่ในที่ว่างเปล่า เป็นปรากฎการที่โลกวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับมาหลายศตวรรษ..........
ภาพที่ 15
อิสยาห์ 40:21,22
ท่านทั้งหลายไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ ไม่มีผู้ใดบอกท่านตั้งแต่แรกแล้วหรือ ท่านไม่เข้าใจรากฐานของแผ่นดินโลกหรือ
คือพระองค์ผู้ประทับเหนือปริมณฑลของแผ่นดินโลก
----------------------------------------------------
เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว พระคัมภีร์ยืนยันว่าโลกกลม ถึงอย่างไรก็ตามที โลกวิทยาศาสตร์เชื่อต่างกันเป็นเวลานาน
ภาพที่ 16
ปฐมกาล 1:25
พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน
----------------------------------------------------
เรื่องของการสร้างโลกมักใช้คำว่า สร้างตามชนิดของมัน
หากเป็นเรื่องจริงที่ว่าเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงจะทำให้มีเผ่าพันธุ์และสัตว์ต่างชนิดเกิดขึ้นใหม่ แต่ยังไม่พบเลยว่ามีสายพันธ์ใหม่ใดที่เกิดขึ้นจากสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน(ตัวอย่างเช่น สุนัขเกิดลูกแมว)
การไม่เปลี่ยนแปลงจากชั่วอายุหนึ่งไปยังอีกชั่วอายุหนึ่งนั้น ได้อธิบายให้เห็นแล้วในพระคัมภีร์
ภาพที่ 17
สดุดี 19:1
ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์
----------------------------------------------------
เพื่อนคนหนึ่งของโคเปอร์นิคัศซึ่งเป็นนักดาราศาสตร์ชื่อดังคนหนึ่งพูดว่า ระบบสุริยจักรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
โคเปอร์นิคัสจึงสร้างหุ่นจำลองขนาดเล็กของระบบสุริยจักรวาล เพื่อนคนนี้ประหลาดใจกับความงดงามของหุ่นจำลองนี้จึงถามว่าใครสร้าง
โคเปอร์นิคัสตอบว่า มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
เมื่อเห็นว่าเพื่อนคนนี้มองด้วยความสงสัย เขาจึงพูดต่อว่า
คุณไม่เชื่อว่าหุ่นจำลองนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่สำหรับระบบสุริยจักรวาลแล้วคุณเชื่อเช่นนี้
ภาพที่ 18
โยบ 12:7-9
“แต่ ขอถามสัตว์เดียรัจฉาน และมันจะสอนท่าน ถามนกในอากาศดู และมันจะบอกท่าน หรือพูดกับแผ่นดินโลก และมันจะสอนท่าน และถามปลาทะเล มันจะประกาศแก่ท่าน
ในสิ่งเหล่านี้มีสิ่งใดที่ไม่ทราบว่า พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงกระทำให้เป็นไปอย่างนั้น”
----------------------------------------------------
สัญชาตญาณของสัตว์ที่แปลกประหลาดใจ การบินเหินไปอย่างสวยงามของนก ผลงานสร้างรังผึ้งที่สมบูรณ์แบบ หากเรายิ่งศึกษาเรื่องของธรรมชาติแล้ว เราก็จะยิ่งมองเห็นพระหัตถกิจอันแสนประเสริฐของพระเจ้าได้
โรเจอร์ เบคอนเคยเขียนไว้ว่า “ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เพียงเล็กจะนำเราให้ออกห่างพระเจ้า แต่ความรู้มากมายจะนำเรากลับมาหาพระองค์”
ภาพที่ 19
สดุดี 139:14
ข้าพระองค์โมทนาพระคุณพระองค์เพราะพระองค์ทรงกระทำ ให้ข้าพระองค์แปลกประหลาดอย่างน่ากลัว พระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์ ข้าพระองค์โมทนาพระคุณ
----------------------------------------------------
ความซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ที่พบขึ้นใหม่ๆทำให้นักวิทยาศาสตร์อัศจรรย์ใจ
ความบังเอิญจะทำให้เกิดมนุษย์ที่มีเหตุมีผล คิดได้ วินิจฉัยได้และรักได้หรือ
เคยมีคนกล่าวไว้ว่า หากจะเชื่อทฤษฏีของวิวัฒนาการแล้วจะต้องใช้ความเชื่อมากกว่าที่จะเชื่อเรื่องพระเจ้าสร้างโลก
ภาพที่ 20
2 เปโตร 3:3,5
จงรู้ข้อนี้ก่อนคือ ในกาลสุดท้ายคนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้น และประพฤติตามใจปรารถนาของตน เพราะว่าเขาแกล้งลืมข้อนี้เสีย คือโดยพระวจนะของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ได้อุบัติขึ้นตั้งแต่โบราณ และแผ่นดินโลกจึงได้เกิดขึ้นจากน้ำและมีน้ำล้อมรอบทุกด้าน
----------------------------------------------------
เป็นคำพยากรณ์ที่เปโตรบอกไว้แล้วเมื่อสองพันปีก่อนว่ามีคนจะเยาะเย้ยเรื่องของพระเจ้าสร้างโลก
คนนับล้านต้องการเชื่อว่ามนุษย์เป็นสัตว์ชั้นสูงมากกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นผลงานชั้นเอกของการทรงสร้างของพระเจ้า
และเชื่อว่าจักรวาลมาจากการรวมตัวโดยบังเอิญ และไม่ใช่พระเจ้ายิ่งใหญ่เป็นผู้ทรงสร้าง
เป็นเรื่องแปลกใช่ไหม
ภาพที่ 21
โรม 1:18,19
เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ ต่อความหมิ่นประมาทพระองค์ และความชั่วร้ายทั้งมวลของมนุษย์ที่เอาความชั่วร้ายนั้นบีบคั้นความจริง เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว
----------------------------------------------------
พระคัมภีร์เตือนผู้ที่ปฏิเสธที่จะยอมรับพระเจ้าเป็นพระผู้สร้าง แม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายของการทรงสร้างของพระองค์
ให้เราอ่านข้อพระคัมภีร์ในตอนต่อไป
ภาพที่ 22
โรม 1:20-22
ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่ พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป
เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป
----------------------------------------------------
ไม่มีข้อความใดที่จะบรรยายถึงยุคของเราได้ดีกว่านี้...
ภาพที่ 23
กิจการของอัครทูต 14:15-17
[เรา]มากล่าวข่าวประเสริฐให้ท่านกลับจากสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้ ให้ท่านมาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทะเลและสิ่งสารพัด ซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น ในกาลก่อน พระองค์ได้ทรงยอมให้บรรดาประชาชาติประพฤติตามชอบใจ
แต่พระองค์มิได้ทรงให้ขาดพยาน
----------------------------------------------------
พระเจ้าไม่เคยหยุดที่จะให้หลักฐานถึงเรื่องที่ว่ามีพระเจ้า แต่หลักฐานดีที่สุดที่พระองค์ทรงประทานให้เรานั้นมาจากพระโอษฐ์พระเยซูพระบุตรของพระเจ้า
พระเยซูทรงสอนถึงเรื่องจุดเริ่มต้นของจักรวาลไว้อย่างไร
ภาพที่ 24
ยอห์น 17:17
[พระเยซูตรัสว่า] “พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง”
---------------------
มาระโก 10:6
[พระเยซูตรัสว่า] “แต่ตั้งแต่เดิมสร้างโลก พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง”
----------------------------------------------------
พระคำของพระเยซูนั้นให้เหตุผลที่หนักแน่นที่สุด
ตลอดเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงประทับตราอำนาจของพระองค์ด้วยเรื่องของการสร้างโลกตามที่บันทึกไว้ในหนังสือปฐมกาล
คำถามตรงไปตรงมาคือ “เราจะเชื่อใครดี พระเยซูหรือนักวิวัฒนาการ”
ภาพที่ 25
โยบ 38:4
“เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา”
---------------------
โยบ 42:3
โยบตอบว่า “ข้าพระองค์จึงกล่าวถึงสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่เข้าใจ สิ่งที่ประหลาดเกินแก่ข้าพระองค์ ซึ่งข้าพระองค์ไม่ทราบ”
----------------------------------------------------
พระเจ้าทรงเชิญท่านให้แสวงหาจุดเริ่มต้นของจักรวาลด้วยความถ่อมใจ
ขอให้เราทำตามโยบ และมีท่าทีของความถ่อมใจ ยอมรับขีดจำกัดของเราและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ภาพที่ 26
วิวรณ์ 14:6,7
แล้วข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งเหาะไปในท้องฟ้า เพื่อประกาศข่าวประเสริฐอันเป็นอมตะแก่ชนชาวโลกทั้งปวง ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติ ทุกภาษา ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า
“จงยำเกรงพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว และจงนมัสการพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และบ่อน้ำพุทั้งหลาย”
----------------------------------------------------
ในขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในยุคสุดท้ายของโลก ให้เราทิ้งทฤษฏีของมนุษย์ไปเสียและกลับมาหาพระเจ้าพระผู้สร้างองค์เดียวของเรา
ภาพที่ 27
ให้เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงช่วยเราในการศึกษาบทเรียนบทนี้
ข้าฯแต่พระเจ้า
โลกใบเล็กๆนี้กำลังมีปัญหา แต่เมื่อเราเรียนรู้แล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้าง พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะช่วยเราให้รอด เราจึงมีความหวัง
เป็นความหวังที่หาจากที่ใดในโลกไม่ได้ เป็นความหวังที่ไม่มีให้กับผู้ที่เชื่อว่าจักรวาลนี้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ
ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยให้เรายึดเอาความหวังนี้ไว้ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า
อาเมน
รายการบทเรียน | บทเรียนออกไลน์ทางอินเตอร์เน็ต | รายการหลัก